ช็อกโกแลต เป็นขนมที่หลายคนชื่นชอบ แต่การบริโภคช็อกโกแลตสามารถมีทั้ง ประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับประเภทของช็อกโกแลตที่บริโภค และปริมาณที่รับประทานในแต่ละวันด้วยครับ

ใครที่ชอบกินอย่างน้อยต้องรู้ไว้หน่อยนะครับ ก่อนจะเกิดผลเสียกับตัวเองได้

ประโยชน์ของช็อกโกแลต

  1. ช่วยปรับอารมณ์
  • ช็อกโกแลตโดยเฉพาะ ดาร์กช็อกโกแลต มีสารเคมีที่สามารถกระตุ้นการหลั่งสาร เซโรโทนิน และ เอนโดรฟิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีและมีความสุข ช่วยลดอาการเครียดและซึมเศร้า
  1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ดาร์กช็อกโกแลต มีสาร ฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันและการอักเสบในร่างกาย อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
  1. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  • ฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตสามารถช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
  1. บำรุงสมอง
  • การรับประทานช็อกโกแลตที่มีฟลาโวนอยด์สูงอาจช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง โดยการช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ซึ่งอาจช่วยในด้านการเรียนรู้และความจำ
  1. ช่วยลดความดันโลหิต
  • บางการศึกษาพบว่า ดาร์กช็อกโกแลต ที่มีสารฟลาโวนอยด์สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เนื่องจากช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  1. มีแคลเซียมและแมกนีเซียม
  • ช็อกโกแลตโดยเฉพาะประเภทที่ทำจากโกโก้สูงมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม และ แมกนีเซียม ซึ่งช่วยในเรื่องกระดูกและการทำงานของกล้ามเนื้อ

โทษของช็อกโกแลต

  1. เพิ่มน้ำหนัก
  • ช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลสูง เช่น มิลค์ช็อกโกแลต หรือ ไวท์ช็อกโกแลต มีแคลอรี่สูง ถ้าบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันและ เพิ่มน้ำหนัก หรือเสี่ยงต่อโรคอ้วน
  1. เสี่ยงต่อฟันผุ
  • ช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลสูงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด ฟันผุ โดยเฉพาะหากบริโภคเป็นประจำและไม่ดูแลการทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ
  1. เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
  • ช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลสูงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 หากบริโภคมากเกินไป
  1. กระตุ้นการเกิดปัญหาทางกระเพาะอาหาร
  • การบริโภคช็อกโกแลตในปริมาณมากอาจกระตุ้นการเกิด กรดไหลย้อน หรือปัญหาทางกระเพาะอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีสารคาเฟอีนและทอรีนที่อาจทำให้กระเพาะอาหารมีการผลิตกรดมากขึ้น
  1. กระตุ้นอาการไมเกรน
  • บางคนที่มีอาการ ไมเกรน อาจพบว่า การบริโภคช็อกโกแลต โดยเฉพาะชนิดที่มีคาเฟอีนสูง หรือสารที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรน อาจทำให้อาการปวดหัวรุนแรงขึ้น
  1. อาจเกิดอาการแพ้
  • บางคนอาจแพ้ส่วนผสมในช็อกโกแลต เช่น นม, ถั่ว หรือ ซอสโกโก้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือรอยผื่นที่ผิวหนังได้

ปริมาณที่ควรกินต่อวันให้ได้ประโยชน์แทนโทษ

การบริโภคช็อกโกแลตควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรับประโยชน์โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อผลกระทบด้านสุขภาพ การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับสารอาหารที่ดีจากช็อกโกแลต เช่น ฟลาโวนอยด์ และ สารต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่ทำให้มีผลกระทบที่ไม่ดีจากน้ำตาลหรือไขมันส่วนเกินครับ

 

ดาร์กช็อกโกแลต (ที่มีโกโก้ 70% ขึ้นไป): ควรกินประมาณ 20-30 กรัม หรือประมาณ 1-2 ชิ้นเล็ก ต่อวัน

  • ดาร์กช็อกโกแลตชนิดนี้มีฟลาโวนอยด์และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพหัวใจและสมอง การกินในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความเครียดและปรับอารมณ์ได้
  • ควรเลือกช็อกโกแลตที่มีโกโก้สูง เพราะจะมีน้ำตาลน้อยและมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า

มิลค์ช็อกโกแลต หรือไวท์ช็อกโกแลต: ควรกินในปริมาณน้อยกว่า เช่น 10-15 กรัม ต่อวัน

  • ช็อกโกแลตประเภทนี้มีน้ำตาลและไขมันสูง ดังนั้นการกินในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือโรคอ้วน

และก่อนจากกันไป ใครที่ชอบกินช็อกโกแลตแต่รู้สึกว่ามันมีราคาแพง : สามารถเข้ามาเลือกซื้อหวยได้ที่ Globallotto นะครับ เราให้อัตราจ่ายสูงที่สุดในประเทศไทย