ช็อกโกแลต เป็นขนมที่หลายคนชื่นชอบ แต่การบริโภคช็อกโกแลตสามารถมีทั้ง ประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับประเภทของช็อกโกแลตที่บริโภค และปริมาณที่รับประทานในแต่ละวันด้วยครับ
ใครที่ชอบกินอย่างน้อยต้องรู้ไว้หน่อยนะครับ ก่อนจะเกิดผลเสียกับตัวเองได้
ประโยชน์ของช็อกโกแลต
- ช่วยปรับอารมณ์
- ช็อกโกแลตโดยเฉพาะ ดาร์กช็อกโกแลต มีสารเคมีที่สามารถกระตุ้นการหลั่งสาร เซโรโทนิน และ เอนโดรฟิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีและมีความสุข ช่วยลดอาการเครียดและซึมเศร้า
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ
- ดาร์กช็อกโกแลต มีสาร ฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันและการอักเสบในร่างกาย อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตสามารถช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
- บำรุงสมอง
- การรับประทานช็อกโกแลตที่มีฟลาโวนอยด์สูงอาจช่วยเพิ่มการทำงานของสมอง โดยการช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ซึ่งอาจช่วยในด้านการเรียนรู้และความจำ
- ช่วยลดความดันโลหิต
- บางการศึกษาพบว่า ดาร์กช็อกโกแลต ที่มีสารฟลาโวนอยด์สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เนื่องจากช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- มีแคลเซียมและแมกนีเซียม
- ช็อกโกแลตโดยเฉพาะประเภทที่ทำจากโกโก้สูงมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม และ แมกนีเซียม ซึ่งช่วยในเรื่องกระดูกและการทำงานของกล้ามเนื้อ
โทษของช็อกโกแลต
- เพิ่มน้ำหนัก
- ช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลสูง เช่น มิลค์ช็อกโกแลต หรือ ไวท์ช็อกโกแลต มีแคลอรี่สูง ถ้าบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันและ เพิ่มน้ำหนัก หรือเสี่ยงต่อโรคอ้วน
- เสี่ยงต่อฟันผุ
- ช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลสูงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด ฟันผุ โดยเฉพาะหากบริโภคเป็นประจำและไม่ดูแลการทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
- ช็อกโกแลตที่มีน้ำตาลสูงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 หากบริโภคมากเกินไป
- กระตุ้นการเกิดปัญหาทางกระเพาะอาหาร
- การบริโภคช็อกโกแลตในปริมาณมากอาจกระตุ้นการเกิด กรดไหลย้อน หรือปัญหาทางกระเพาะอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีสารคาเฟอีนและทอรีนที่อาจทำให้กระเพาะอาหารมีการผลิตกรดมากขึ้น
- กระตุ้นอาการไมเกรน
- บางคนที่มีอาการ ไมเกรน อาจพบว่า การบริโภคช็อกโกแลต โดยเฉพาะชนิดที่มีคาเฟอีนสูง หรือสารที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรน อาจทำให้อาการปวดหัวรุนแรงขึ้น
- อาจเกิดอาการแพ้
- บางคนอาจแพ้ส่วนผสมในช็อกโกแลต เช่น นม, ถั่ว หรือ ซอสโกโก้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือรอยผื่นที่ผิวหนังได้
ปริมาณที่ควรกินต่อวันให้ได้ประโยชน์แทนโทษ
การบริโภคช็อกโกแลตควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อรับประโยชน์โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อผลกระทบด้านสุขภาพ การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับสารอาหารที่ดีจากช็อกโกแลต เช่น ฟลาโวนอยด์ และ สารต้านอนุมูลอิสระ แต่ไม่ทำให้มีผลกระทบที่ไม่ดีจากน้ำตาลหรือไขมันส่วนเกินครับ
ดาร์กช็อกโกแลต (ที่มีโกโก้ 70% ขึ้นไป): ควรกินประมาณ 20-30 กรัม หรือประมาณ 1-2 ชิ้นเล็ก ต่อวัน
- ดาร์กช็อกโกแลตชนิดนี้มีฟลาโวนอยด์และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพหัวใจและสมอง การกินในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความเครียดและปรับอารมณ์ได้
- ควรเลือกช็อกโกแลตที่มีโกโก้สูง เพราะจะมีน้ำตาลน้อยและมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า
มิลค์ช็อกโกแลต หรือไวท์ช็อกโกแลต: ควรกินในปริมาณน้อยกว่า เช่น 10-15 กรัม ต่อวัน
- ช็อกโกแลตประเภทนี้มีน้ำตาลและไขมันสูง ดังนั้นการกินในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานหรือโรคอ้วน